กฐินพระราชทานของ สกสค. ประจำปีพุทธศักราช 2565
Image


ผู้ประสงค์จะร่วมอนุโมทนาบุญ สามารถสแกนผ่าน QR Code


ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน

ณ วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร ต.ท่าราบ อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม 2565 เวลา 10.00 น.

 

ประวัติวัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร

          วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร หรือ วัดใหญ่สุวรรณาราม คือวัดแห่งเดียวกัน แต่ชาวบ้านมักจะเรียกสั้น ๆ ว่า วัดใหญ่ เดิมตั้งอยู่ตำบลหน้าพระลาน เมื่อเทศบาลรวมเขตเข้ากับตำบลท่าราบ ปัจจุบันจึงอยู่ในตำบลท่าราบ อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี

          วัดใหญ่สุวรรณาราม สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาหรืออาจกว่านั้นขึ้นไป ด้วยมีใบเสมาคู่พระอุโบสถเป็นหลักฐานอยู่ วัดนี้ยังมีโบราณสถานและโบราณวัตถุล้ำค่าอยู่อีกหลายอย่าง ส่วนมากยังอยู่ในสภาพดี เพราะได้รับการบำรุงรักษาสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน เรื่องเกี่ยวกับประวัติของวัดใหญ่สุวรรณาราม ยังไม่พบหลักฐานที่ชัดเจน แต่คงจะเป็นวัดมาก่อนที่สมเด็จพระสังฆราชแตงโมจะทำการบูรณปฏิสังขรณ์ ได้ทราบคำเล่าจากพระผู้สูงอายุของวัดใหญ่ฯ ชื่อหลวงตาแหยม สุปญ̣โญ กับพระอาจารย์แบ้ ธม̣มสโร เล่าให้ฟังว่า วัดนี้เดิมทีชื่อ วัดน้อยปากใต้ หรือ ปักษ์ใต้ เพราะอยู่ทางด้านทิศใต้ของแม่น้ำหรืออาจอยู่ริมนอกที่เป็นกำแพงเมืองทางด้านนอก ข้อความตามตำนานวัดใหญ่ฯ ยังได้เล่าว่า สมเด็จพระสังฆราชแตงโม เมื่อเป็นเด็กเคยเล่นน้ำที่ท่าน้ำหน้าวัดใหญ่ฯ หิวโหยจนต้องดำน้ำลงกินเปลือกแตงโมที่ลอยน้ำมา เลยถูกเพื่อนเด็กวัดล้อว่า เด็กแตงโม มาแต่ครั้งนั้น

          เมื่อสมเด็จพระสังฆราชแตงโม ท่านได้มาบูรณปฏิสังขรณ์วัดน้อยปากใต้เสร็จสมบูรณ์ทั่วทั้งอารามแล้ว ได้มีผู้เรียกวัดนี้ซึ่งเปลี่ยนฐานะจาก วัดน้อย มาเป็น วัดใหญ่ ด้วยบารมีของสมเด็จพระสังฆราชในครั้งนั้น เพราะมีสิ่งปลูกสร้างและเสนาสนะก็มีขนาดใหญ่แปลกออกไปจากเดิมด้วยประการทั้งปวงและยังได้เติมสร้อยวัดใหญ่ว่า สุวรรณารามบ้าง สุวรรณธารามบ้าง เพื่อเป็นอนุสรณ์เพราะลงนามเดิมของสมเด็จพระสังฆราชท่านชื่อ ทอง หรือนามสร้อยของวัดใหญ่ฯ ในครั้งนั้นได้จากสมณศักดิ์ของท่านแต่ครั้งที่เป็น พระสุวรรณมุนี แต่จะเรียกขานเช่นนี้ภายหลังท่านมรณภาพหรือก่อนนั้นยังไม่ทราบได้

          นอกจากนี้ วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร ยังเล่าอีกว่า บานประตูศาลาการเปรียญวัดใหญ่ฯ ประตูกลางด้านตะวันออก นอกจากเป็นของเก่าโดยฝีมือช่างชั้นเยี่ยมสรรค์สร้างไว้แล้ว ยังเป็นประตูประวัติศาสตร์ เล่าว่าเคยถูกพม่าฟันด้วยขวานคือด้านซ้ายถูกเจาะเป็นรอยขวานเนื้อไม้ขาดหายไปมีขนาด 9 × 30 เซนติเมตร โดยพวกพม่าต้องการจะตรวจหาผู้คนที่หนีหลบซ่อนอยู่ภายใน รอยฟันนั้นอาจฟันมากกว่า 1 ที แรงมากจนบานมีรอยแตกออกเป็น 2 ซีก ต้องใช้ไม้ดามไว้ด้านหลัง มีเกร็ดเกี่ยวกับประตูเรื่องหนึ่งเล่ากันว่า ครั้งหนึ่งท่านเจ้าคุณรูปหนึ่งในกรุงเทพฯ มาเที่ยวชมวัดใหญ่ฯ ที่ขุนศรีวังยศนำชม บอกว่าประตูนี้ถูกพม่าฟัน ท่านเจ้าคุณย้อนถามว่า ท่านขุนรู้ได้อย่างไร ขุนศรีวังยศ ตอบไปด้วยปฏิภาณว่า ถึงพวกพม่ามันไม่ได้ฟัน อ้ายคนใจพม่ามันก็ฟัน

ภาพจากออินเตอร์เน็ต

ข้อมูลจากวัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร

กลุ่มเทคโนโลยีและสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร 

สำนักอำนวยการ

คลิกที่นี่ หากไม่สามารถแสดงไฟล์ pdf ได้
ดาวน์โหลดไฟล์